ยิ่งแถลงข่าวยิ่งแย่ “คยอนมีรี” ออกมาโต้ข่าวเรื่องพัวพันคดีฉ้อโกงเงิน หวังปกป้องลูกสาว “อีดาอิน” ที่กำลังจะแต่งงานกับ “อีซึงกิ” แต่กลายเป็นทำให้สถานการณ์แย่ลง
การประกาศวิวาห์ของ “อีซึงกิ” (Lee Seung Gi) กับนักแสดงดาว “อีดาอิน” (Lee Da In) ไม่ได้มาพร้อมกับคำยินดีแต่อย่างเดียวแต่กลับกลายเป็นดราม่าที่กลายเป็นประเด็นร้อนในอินเตอร์เน็ตแพราะว่ามีการขุดคุ้ยประวัติของเธอทำให้มีการพูดถึงพ่อเลี้ยงของอีดาอิน ถูกจับในคดีฉ้อโกงทางการเงินถึงสองครั้ง ซึ่งมีแม่ของเธอ คยอนมีรี (Kyeon Miri) นักแสดงรุ่นใหญ่ซึ่งเป็นที่รู้จักจากซีรีส์แดจังกึม พัวพันในคดีนี้ด้วย หลังจากเรื่องการแต่งงานของลูกสาวกลายเป็นประเด็นเดือดในโลกออนไลน์เพราะชาวเน็ตมองว่าครอบครัวของ “อีดาอิน” ทำให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของ “อีซึงกิ” ต้องมัวหมอง อีกทั้งเขาเพิ่งจะเผชิญกับคดีถูกโกงเงินมากลับต้องมาพัวพันกับบ้านของแฟนสาวที่มีประวัติการฉ้อโกง
ด้าน คยอนมีรี เลยออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกในรอบ 13 ปีที่เธอเองก็มีข่าวเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของสามี และในปี 2016 เธอเองก็ยังพัวพันกับบริษัท JU Group บริษัทต้มตุ๋นที่หลอกนักลงทุนมาลงเงินเกี่ยวกับการปั่นหุ้นอีกด้วย ในฐานะโฆษกของบริษัท คยอนมีรี เผยว่าเธอและครอบครัวไม่เคยได้ใช้เงินจากคดีดังกล่าวเงิน และตัวเธอเองก็เป็นเหยื่อของการฉ้อโกงด้วยเช่นกัน ศาลจะเป็น ผู้ตัดสินเองว่าครอบครัวเธอมีความผิดหรือไม่ และเธอยังตอบประเด็นที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่าครอบครัวของเธอร่ำรวยผิดปกติเพราะพวกเธออาศัยอยู่ในบ้านสไตล์วิลล่าที่มีความสูงถึง 6 ชั้น โดยสมาชิก 5 คนในบ้านมีชั้นแยกเป็นของตัวเองและอีดาอิน ยังเคยโพสต์ภาพว่าเธอซื้อทีวีมาไว้ในห้องนั่งเล่นของตัวเอง คยอนมีรีก็เผยว่าเป็นบ้านที่มาจาน้ำพักน้ำแรงการทำงานในวงการบันเทิงของเธอเอง และทีวีในห้องของอีดาอินก็เป็นทีวีที่หาซื้อได้ทั่วๆไป การออกมาแถลงข่าวของเธอ สร้างความไม่พอใจในหมู่ชาวเน็ตอยู่ดีเพราะว่าไม่ได้เป็นการทำให้สถานการณ์ใดๆ ดีขึ้นแต่กลายเป็นว่าแฟนๆยิ่งสงสารเขาที่ต้องมาพัวพันกับครอบครัวที่มีชื่อเสียแบบนี้ ด้านงานแต่งงานระหว่างอีซึงกิ กับอีดาอิน จะจัดขึ้นในวันที่ 7
เมษายนนี้ เป็นการแต่งงานแบบเป็นส่วนตัว
ดราม่าระหว่างผู้บริหารค่ายดัง “SM Entertainment” ยังไม่จบสิ้น เมื่อ “อีซองซู” หลานชายของ “อีซูมาน” เรียกร้องให้ออกมาขอโทษกรณีขายหุ้นให้กับ HYBE
ดราม่าระดับสั่นสะเทือนวงการบันเทิงเกาหลี เรื่องที่ค่ายดัง HYBE กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SM Entertainment ยังไม่จบ เมื่อ“อีซองซู” ( Lee Sung Soo) หลานชายของ“อีซูมาน” (Lee Soo Man) ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและ CEO SM Entertainment ได้ออกมาอัดคลิปเป็นครั้งที่ 2 เรียกร้องให้ลุงของเขาออกมาคุกเข่าขอโทษพร้อมกันต่อเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดและยุติเรื่องการขายหุ้นซึ่งจะส่งผลต่อแนวทางการบริหารของ SM Entertainment เพราะการเข้ามาของ HYBE จะทำให้เกิดการผูกขาดในวงการบันเทิงอีกทั้งยังเป็นการช่วยตัว “อีซูมาน” เองที่มีปัญหาเกี่ยวกับประเด็นการเลี่ยงภาษีอยู่ ไม่ใช่การช่วยพัฒนาบริษัท
อีซองซู เผยว่า SM ไม่เคยขอความช่วยเหลือจาก HYBE และขอให้ยุติการครอบงำกิจการอย่างไม่ได้รับการยินยอมนี้ เนื่องจากผู้ถือหุ้นอื่นไม่ได้ยินยอม ในการเข้ามาครอบครองหุ้น 14.8% ของ HYBE ซึ่งเป็นการซื้อหุ้นในส่วนของ
อีซูมานโดยที่ไม่ได้ปรึกษาผู้บริหารอื่น ยืนยันว่าบริษัทนี้ไม่ใช่แค่ของอีซูมานเพียงคนเดียวแต่ยังมีพนักงานอีกมากมายที่ร่วมสร้างด้วยกันมา นอกจากนี้ยังมีปัญหาด้านการบริหารอีกหลายด้านที่จะเกิดขึ้นหาก HYBE เข้ามามีส่วนร่วมในการครอบงำกิจการในครั้งนี้ ด้านอีซองซู ยังได้ประกาศในคลิปว่าเขาจะลาออกจากการเป็น CEO SM Entertainment ในเดือนมีนาคมนี้ และหากบอร์ดผู้บริหารยินยอมเขา จะไปทำงานด้านการพัฒนาเพลงและทุ่มเทอย่างหนักเพื่อ SM เหมือนเดิม
จดหมายของ สภา พนักงาน ภาพจาก allkpop
ด้านความเคลื่อนไหวฝั่งพนักงานของ SM Entertainment ก็ได้มีการรวมตัวกันเป็นสภาพนักงานจำนวน 208 คน ได้ร่วมออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาอยู่เคียงข้าง อีซองซู และ ทักยองจุน ในแผนการปฏิรูปโครงสร้าง บริษัทที่เรียกว่า SM 3.0 ซึ่งเป็นแผนพัฒนาจากค่ายเดียวเป็นการจับมือมีหลายค่ายหลายโปรดิวเซอร์ และขอประณาม การกระทำของอีซูมาน พร้อมกับกล่าวว่า อีซูมานได้ทอดทิ้ง SM และแฟนคลับของ SM ไปนานแล้ว และสภาพนักงานได้ก่อตั้งขึ้นมาจากพนักงานที่เคยถูกอีซูมานหลอกใช้มาตลอด พวกเขาจำเป็นจะต้องออกมาปกป้องบริษัทและหวังว่าจะพัฒนา SM ต่อไปในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองไม่ถูกครอบงำโดยคนอื่น
ส่วนความเคลื่อนไหวของ HYBE ก็ได้ออกแถลงชี้แจงหลายครั้งแต่โดยรวมแล้วได้เรียกร้องให้ทาง SM จัดการแก้ปัญหาภายในให้เรียบร้อย และทาง HYBE เองก็กำลังดำเนินการแก้ปัญหาไปทีละอย่าง
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก WWW.TNNTHAILAND.COM